ออมไว้ใส่ถุงแดง
“หากต้องการให้ชีวิตของตนและครอบครัว
ไม่เดือดร้อน ยากลำบาก มีความผาสุกที่ยั่งยืน
นอกจากต้องประกอกอาชีพสุจริต มีความซื่อสัตย์ มีมานะในการหาได้ให้
เพิ่มพูนมากขึ้นตามศักยภาพของตนแล้ว
ควรต้องรู้จักบริหารเงินรายได้ของตนเองให้เป็น
และเหมาะสม ไม่ควรใช้จ่ายเงินเกินรายได้ที่มี”
ออมไว้ใส่ถุงแดง
เงินถุงแดง คือ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการค้าสำเภา คือ นำสินค้าบรรทุกเรือสำเภาส่งไปขายที่ประเทศจีน ก่อนเสด็จสวรรคตได้พระราชทานไว้แก่แผ่นดินเพื่อใช้ทำนุบำรุงวัดวาอาราม ที่สำคัญยิ่ง คือ เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ร.ศ. ๑๑๒ ไทยต้องชดใช้เงินค่าปฏิกรรมสงครามแก่ประเทศฝรั่งเศสเงินส่วนใหญ่ที่ใช้ในการนี้ก็ได้มาจากเงินถุงแดง
เงินถุงแดงจัดอยู่ในประเภทเงินพระคลังข้างที่หรือเงินข้างที่เป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในปัจจุบันคือเงินงบประมาณส่วนหนึ่งที่รัฐบาลทูลเกล้าทูลกระหม่อนถวายเพื่อใช้จ่ายส่วนพระองค์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอธิบายเรื่อง เงินพระคลังข้างที่ ไว้ใน สาส์นสมเด็จ เล่ม๑๓ ความว่า
“...เคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่เล่ากันมาว่า เดิมพระเจ้าแผ่นดิน โปรดให้มีกำปั่นเงินไว้ข้างพระแท่นที่บรรทมใบหนึ่งสำหรับทรงหยิบพระราชทานผู้ใดหรือใช้จ่ายการอันใดโดยลำพังพระองค์เอง คือไม่ต้องบอกให้ผู้อื่นรู้ จะเป็นประเพณีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาหรือมามีขึ้นในกรุงรัตนโกสินทร์นี้ไม่ทราบแน่ เห็นจะเรียกกันว่า “เงินข้างที่”ทำนองเดียวกับเรียกเงินที่เอาตามเสด็จไปไหนๆ ว่า “เงินท้ายที่นั่ง” และคงแบ่งไปจากเงินพระคลังในนั่งเองถึงรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเก็บหอมรอมริบเงินซึ่งเป็นส่วนพระองค์เพิ่มขึ้นในเงินข้างที่อีกมาก สำหรับทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆและมีเงินซึ่งเรียกกันว่า “เงินถุงแดง” สำรองไว้สำหรับใช้ในเวลาบ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ...”
พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เงินกำไรจากการค้าสำเภาหลวงคงเป็นเงินรายได้ของแผ่นดินที่พระมหากษัตริย์ทรงแยกไว้ใช้จ่ายเป็นการส่วนพระองค์ ในยามที่รายได้ของแผ่นดินไม่พอใช้จ่ายในราชกาลจึงนำกำไรจากการค้าขายมาใช้ ในรัชสมัยพระบาทพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวนพระราชทรัพย์เหล่านั้นคงจะบรรจุไว้ในถุงสีแดงเก็บไว้ในพระคลังข้างที่จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก “เงินถุงแดง”
ในปี พ.ศ.๒๕๓๖ ตรงกับปี ร.ศ.๑๑๒ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยเกิดกรณีพิพาทเรื่องดินแดนกับประเทศฝรั่งเศส ไทยไม่อาจทานอำนาจของฝรั่งเศษที่มีพลังแสนยานุภาพเหนือกว่า
จึงต้องยอมเสียดินแดนลาวฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง คือ ดินแดนที่เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกือบทั้งหมด และต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามอีกจำนวนหนึ่งด้วยพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องทรงนำ “เงินถุงแดง” จึงได้มีส่วนช่วยมิให้ต้องตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในครั้งนั้น และได้รักษาอธิปไตยของชาติมาได้จนทุกวันนี้
เงินถุงแดงมีส่วนช่วยปกปักรักษาชาติไทยไว้ได้ ชาวไทยจึงควรระลึกถึงพระมาหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และดำเนินการทางการเงินตามรอยพระยุคบาท ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารประเทศหรือประชาชนคนธรรมดา หากมีมานะพยายามที่จะหาเงินเลี้ยงชีพ รู้จักใช้จ่ายให้เหมาะสม และรู้จักสะสมเงินบางส่วนไว้เป็นเงินออมตามกำลังความสามารถเพื่อใช้จ่ายในคราวจำเป็น ก็จะมีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง มีชีวิตที่ไม่ลำบาก และมีความสุข
ข้อคิดจากเรื่อง
เรื่อง ออมไว้ใส่ถุงแดง เป็นบทความที่ดัดแปลงจากเรื่อง เงินถุงแดง ความมั่งคงจากเศรษฐกิจ ของ ศิริภรณ์ จิรัปปภา ลงพิมพ์ใน วชิราวุธนุสรณ์สารปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒ ๖ เมษายน ๒๕๔๑ หน้า ๒๙-๓๑ ให้ความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความเป็นมา รวมทั้งการนำเงินถุงแดงไปใช้ประโยชน์เพ่อรักษาแผ่นดินและอธิปไตยของประเทศไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บทความนี้ทำให้คนไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยที่ได้ทรงบริหารประเทศและดำเนินการได้อย่างรอบคอบเพื่อผลประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง คนไทยจะได้เห็นว่า พระสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงทรงเก็บเงินเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำรองไว้จนพระราชทรัพย์ส่วนนี้ได้ใช้จ่ายในเวลาที่บ้านเมืองประเทศชาติเกิดยุคเข็ญ
บทความนี้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า หากตนการชีวิตของตนและครอบครัวไม่เดือดร้อนยากลำบาก มีความผาสุกที่ยั่งยืน นอกจากต้องประกอบอาชีพสุจริต มีความซื่อสัตย์ มีมานะในการหารายได้ให้เพิ่มพูนมากขึ้นตามศักยภาพของตนแล้วควรต้องรู้จักบริหารเงินรายได้ของตนเองให้เป็นและเหมาะสมไม่ควรใช้เงินเกินรายได้ที่มี ไม่ควรนำเงินหรือรายได้ที่ได้รับในอนาคตมาใช้จ่ายจนเป็นภาระหนี้สินเกินความจำเป็น เพื่อความไม่ประมาท ควรเก็บออมเงินรายได้ส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับใช้จ่ายในความจำเป็นหรือนำไปสร้างเสริมฐานะให้มั่นคงมากขึ้น การเก็บออมเงินนั้นเป็นลักษณะนิสัยที่ดี ที่ควรสร้างให้เป็นกิจนิสัย แต่ควรอยู่บนพื้นฐานของความพอเหมาะพอดี ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ตอนหรือบุคคลที่แวดล้อม
เรียนรู้เรื่องย่อความ
สิ่งสำคัญที่ควรเรียนรู้ในการย่อความ มีดังนี้
๑.ความหมายของการย่อความ
การย่อความมีความสำคัญในชีวิตประจำวันทั้งในทางตรงและทางอ้อม เพราะในชีวิตบุคคลทั่วไปมีโอกาสและความจำเป็นที่ต้องย่อสิ่งที่ฟังหรืออ่าน เพื่อเก็บสาระและจดจำหรือไว้เป็นความรู้ หรือนำไปใช้ประโยชน์
๒. การจับประเด็นสำคัญ
การย่อความ ผู้อ่านต้องจับประเด็นสำคัญไห้ได้ครบถ้วน งานเขียนแต่ละเรื่องประกอบด้วยย่อหน้าหลายๆ ย่อหน้า แต่ละย่อหน้าประกอบด้วยประโยคหลายประโยค ตามปกติย่อหน้าแต่ละย่อหน้าจะมีทั้งใจความและพลความ
ใจความ คือ ประโยคหรือข้อความสำคัญของย่อหน้า ถ้าตัดออกจะเสียความหรือความเปลี่ยนไป ทำให้ผู้อ่านผู้ฟังไม่เข้าใจหรือเข้าใจเรื่องผิดได้
ประโยคใจความสำคัญอาจอยู่ต้นย่อหน้า กลางย่อหน้า ท้ายย่อหน้าหรืออยู่ทั้งตอนต้นและตอนท้ายย่อหน้าก็ได้
พลความ คือประโยคหรือข้อความที่เป็นส่วนขยายความ ทำหน้าที่ขยายใจความให้แจ่มชัดยิ่งขึ้น หากตัดส่วนประกอบส่วนนี้ ก็ยังเข้าใจเนื้อความสำคัญอยู่ ข้อความที่ขยายใจความสำคัญมีหลากหลายลักษณะ ดังนี้
๑) อธิบายให้รายละเอียดหรือให้คำจำกัดความข้อความที่เป็นใจความ
๒) แสดงตัวอย่างประกอบเพื่อให้ข้าใจใจความชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น
๓) เปรียบเทียบด้วยถ้อยคำที่เป็นสำนวน หรือยกเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์เพื่อทำให้เข้าใจใจความได้ดีขึ้น
๔) ให้เหตุผลโดยยกข้อมูล สถิติ หลักฐาน เป็นต้น
ข้อความต่อไปนี้แสดงประโยคใจความหรือข้อความสำคัญด้วยตัวพิมพ์หนาส่วนพลความแสดงด้วยตัวพิมพ์เอน
วัฒนธรรมไทยนั้น เด็กทารกให้นอนในเปล เปลที่ให้เด็กนอนนั้น นอกจากบอกความสบายแล้ว ยังบ่งบอกฐานะของครอบครัวอีกด้วย เช่นครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ก็จะมีเปลที่ประดิษฐ์ด้วยวัตถุที่มีราคา ครอบครัวฐานะปานกลาง บางครอบครัวอาจซื้อเปลที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมาใช้ แต่บางครอบครัวก็ทอเปลใช้เอง ส่วนครอบครัวที่มีฐานไม่ดีอาจใช้ผ้าขาวม้าหรือผ้าที่มีขนาดใหญ่และมีขนาดยาวพอสมควร นำมาผูกไว้เป็นเปลระหว่างเสาบ้าน ๒ ต้น หรือผูกไว้ระหว่างต้นไม้ ๒ ต้น
หรือ
การดื่มสุราและสูบบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี ทั้งเปลืองเงินทองและเป็นการทำลายชีวิตและสุขภาพ การดื่มสุราเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเรื้อรังมากกว่า ๖0 ชนิด การดื่มสุราเป็นสาเหตุอันดับ ๑ ของอุบัติเหตุจราจร ซึ่งร้อยละ ๕0 เกิดจากเมาแล้วขับ ส่วนการสูบบุหรี่เป็นการเร่งให้เสียชีวิตเร็วกว่าที่ควร ทำให้เกิดโรคเรื้อรังทุกข์ทรมาน เช่น มะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดในสมอง
ประโยคใจความจากตังอย่างข้างต้น อาจไม่ใช่ประโยคที่กะทัดรัด จึงสามารถตัดคำ แต่งคำ รวมคำ เพื่อให้ได้ข้อความสละสลวยขึ้น ดังต่อไปนี้
๑. “ในวัฒนธรรมไทยนั้น เด็กทารกให้นอนในเปล เปลที่ให้เด็กนอนนั้น นอกจากจะ บอกความสบายแล้ว ยงบ่งบอกฐานะของครอบครัวอีกด้วย”
ย่อเป็น “เด็กไทยนอนเปลและเปลนั้นให้ความสบายและบ่งบอกฐานะของครอบครัวด้วย"
๒. “การดื่มสุราและสูบบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดีสิ้นเปลืองเงินทอง ทำลายชีวิตและสุขภาพ”
ย่อเป็น “การดื่มสุราและสูบบุหรี่ทำให้สิ้นเปลือง ทำลายชีวิตและสุขภาพ”
๓. วิธีการย่อความ
๑) อ่านเรื่องที่จะย่อให้ละเอียด แล้วจับใจความรวมของเรื่อง เช่น อ่านให้รู้ว่า ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำอย่างไร และเหตุใดจึงทำ ควรจัดลำดับของเรื่อง เหตุการณ์ หรือเวลาให้ชัดเจน
๒) แยกข้อความที่อ่านในแต่ละย่อหน้า และจับใจความสำคัญของเรื่องให้ได้ว่าแต่ละย่อหน้าว่าด้วยเรื่องอะไร เขียนบันทึกสรุป และอ่านทวนทุกย่อหน้าจนครบ
๓) ข้อความที่ย่อแล้วใช้สรรพนาบุรุษที่ ๓ ไม่ใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ และที่ ๒ ถ้าจำเป็นต้องเอ่ยถึงผู้เกี่ยวข้องในเรื่องที่ย่อนั้นให้ใช้ชื่อโดยตรง
๔) รายละเอียดบางประเด็น เช่น ตัวอย่าง ถ้อยคำฟุ่มเฟือย คำศัพท์ที่ทำให้เรื่องนั้นยาวเยิ่นเย้อให้ตัดทิ้ง แต่ถ้ามีรายละเอียดที่มีสาระสำคัญสอดคล้องและสนับสนุนใจความสำคัญให้นำมาพิจารณารวมไว้ในเนื้อหาของย่อความนั้นด้วย
๕) ถ้าข้อความเดิมใช้คำราชาศัพท์ เมื่อย่อยังคงใช้คำราชาศัพท์นั้น
๖) ไม่ใช้เครื่องหมายอัญประกาศ และไม่ย่อคำโดยใช้อักษรย่อหรือคำย่อ
๗) หาถ้อยคำใหม่แทนกลุ่มคำบางกลุ่ม เพื่อให้ได้ความหมายเท่าเดิมแต่ลดคำลง เช่น พระรัตนตรัย แทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นต้น
๘) นำข้อความที่เป็นสาระสำคัญของแต่ละย่อหน้ามาเรียบเรียงด้วยภาษาของตนเองให้มีเนื้อความต่อเนื่องกัน โดยใช้คำเชื่อมเพื่อให้เนื้อความสัมพันธ์กัน ควรใช้สำนวนภาษาที่สั้น กะทัดรัด ได้ใจความ ไม่จำเป็นจะต้องคงลำดับของเรื่องเดิมไว้ อาจสลับลำดับความใหม่ตามที่เห็นเหมาะสม
๙) อ่านทบทวนแก้ไขให้เรื่องที่ย่อนั้นมีเนื้อความต่อเนื่องกันดี มีใจความสำคัญและสาระสำคัญ องเรื่องครบถ้วนถูกต้อง
๔. รูปแบบของย่อความ
สิ่งที่นำมาย่อความนั้นเป็นได้ทั้งงานเขียนประเภทต่างๆ เช่น ข้อเขียนในหนังสือ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ และข้อความที่ได้ฟังมา เช่น ข้อความที่ได้ฟังจากวิทยุ โทรทัศน์ และอภิปราย ฯลฯ การย่อความจึงต้องมีคำนำและที่มาเพื่ออธิบายประเภทของเรื่องที่นำมาย่อนั้น ดังนั้น ย่อความจึงประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๒ ส่วน คือ
๑) ส่วนที่เป็นคำนำ ใช้เขียนนำเป็นย่อหน้าแรก มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทราบรายละเอียดว่า ย่อหน้านี้ประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๆ ดังนี้ (๑) ลักษณะของเรื่องที่นำมาย่อ ให้บอกว่าเป็นเอกสารร้อยกรอง หรือร้อยแก้วประเภทใด ชื่อเรื่องใด ถ้าเป็นหนังสือราชการจะต้องระบุว่า เรื่องอะไร เลขที่เท่าไร ลงวันที่เท่าไร เช่น กลอนนิราศเรื่องนิราศภูเขาทอง บทความเรื่องปฏิรูปประเทศไทย หนังสือราชการเรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาต หนังสือที่ สว ooo๒/o๓ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒ เป็นต้น
(๒) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้แต่ง ให้บอกชื่อและนามสกุลผู้แต่ง ถ้าเป็น พระราชดำรัส พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา คำปราศรัย สุนทรพจน์ หนังสือราชการ และจดหมายทั่วไป ให้เพิ่มว่า พระราชทานแก่ใคร แสดงแก่ใคร และถึงใคร เช่น พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ผู้บังคับชาลูกเสือ คำปราศรัยของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร แสดงแก่ข้าราชการครูและนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หนังสือราชเลขาธิการถึงประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดทำโครงการเทิดพระเกียรติของวุฒิสภา เป็นต้น
(๓) แหล่งข้อมูล ถ้าข้อความที่ย่อมาจากเอกสารทั่วไปให้บอกว่ามาจากเอกสารใด หน้าใด และวัน เดือน ปีใด ถ้าเป็นพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา คำปราศรัย สุนทรพจน์ ให้เพิ่มว่า แสดงในโอกาสใด ณ สถานที่ใด เช่น
พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องความรักและความศรัทธาในหน้าที่ที่รับผิดชอบ พระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ มีใจความว่า
กรณีเรื่องที่ย่อไม่มีชื่อเรื่อง ให้บอกว่าไม่ปรากฏชื่อเรื่อง หรืออาจตั้งชื่อเรื่องขึ้นเองได้ ถ้าไม่มีชื่อผู้แต่ง หรือไม่มีแหล่งข้อมูลใช้ว่า ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง ไม่ปรากฏ วัน เดือน ปี ถ้าค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ตให้ระบุแหล่งเข้าถึง และวัน เดือน ปี ที่เข้าถึง ต่อจากข้อ (๑) และ (๒) เช่น
บทความเรื่องศิลปะการต่อสู้แบบเอเชียของทีมงานต่วย’ตูน จาก www.thairath.co.th เข้าถึงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ มีใจความว่า
๒) ส่วนที่เป็นใจความสำคัญของเรื่อง คือ ส่วนที่เป็นเนื้อความที่เรียบเรียงแล้ว เขียนติดต่อกันเป็นย่อหน้าเดียว ไม่ต้องย่อหน้าตามเรื่องเดิม แต่ถ้าเป็นบทร้อยกรองควรถอดความเป็นร้อยแก้วแล้วจึงย่อ
ตัวอย่างการย่อความร้อยแก้ว
ย่อบทความเรื่องออมไว้ใส่ถุงแดง ของศิริภรณ์ จิรัปปภา จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิวิธภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๓ หน้า ๑๘ – ๒o มีใจความว่า
เงินถุงแดงเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับจากการค้าขายกับต่างประเทศ และทรงเก็บไว้ในถุงแดง พระองค์ทรงนำเงินส่วนหนึ่งมาทำนุบำรุงพระศาสนาและสำรองไว้เป็นเงินแผ่นดิน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้เงินถุงแดงชดใช้เป็นค่าปฏิกรรมสงครามแก่ประเทศฝรั่งเศสในเหตุการณ์กรณีพิพาทเรื่องดินแดน ร.ศ. ๑๑๒ ทำให้ไทยสามารถรักษาอธิปไตยไว้ได้ คนไทยควรดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้จ่ายเงินให้เหมาะสมและออมเงินไว้ใช้ในคราวจำเป็น
ตัวอย่างการย่อความร้อยกรอง
เนื้อเรื่องคำประพันธ์บทหนึ่งที่จะนำมาย่อความอยู่ในกลอนบทละครเรื่องพระร่วง มีชื่อว่า “ไทยรวมกำลังตั้งมั่น” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไทยรวมกำลังตั้งมั่น
ไทยรวมกำลังตั้งมั่น จะสามารถป้องกันขันแข็ง,
ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรง มายุทธ์แย้งก็จะปลาตไป
ขอแต่เพียงไทยเราอย่าผลาญญาติ; ร่วมชาติร่วมจิตเป็นข้อใหญ่;
ไทยอย่ามุ่งร้ายทำลายไทย, จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง.
ให้นานาภาษาเขานิยม ชมเกียรติยศฟูเฟื่อง;
ช่วยกันบำรุงความรุ่งเรือง, ให้ชื่อไทยกระเดื่องทั่วโลกา.
ช่วยกันเต็มใจใฝ่ผดุง บำรุงทั้งชาติศาสนา,
ให้อยู่จนสิ้นดินฟ้า; วัฒนาเถิดไทย, ไชโย !
บทละคร “พระร่วง” พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนนำเนื้อความจากคำประพันธ์ “ไทยรวมกำลังตั้งมั่น” ไปย่อความนั้นต้องถอดความก่อนดังนี้
เมื่อใดที่คนไทยพร้อมใจกัน รวมกำลังให้มั่นคง เข้มแข็ง ไม่แตกความสามัคคี ไม่ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง เมื่อนั้นคนไทยจะสามารถต่อสู้ข้าศึกที่เข้ามารุกรานประเทศได้ คนไทยต้องร่วมมือ รวมพลังใจให้เป็นหนึ่งเดียว หมั่นทำนุบำรุงประเทศชาติและพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองก้องไปทั่วโลก ให้นานาประเทศยกย่องสรรเสริญคนไทยและประเทศไทยไปทั่วโลก
หลังจาก ถอดความคำประพันธ์แล้ว นำข้อความมาย่อความใหม่ได้ดังนี้
ย่อคำประพันธ์ “ไทยรวมกำลังตั้งมั่น” ในบทละครพูดคำกลอนเรื่องพระร่วง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๕๓๗ มีใจความว่า
คนไทยทุกคนต้องมั่นคง เข้มแข็ง จึงจะสามารถต่อสู้ข้าศึกศัตรูที่เข้ามารุกรานประเทศไทยได้ อย่าแตกความสามัคคี อย่ามุ่งทำร้ายกันเอง นอกจากนั้นยังต้องรวมพลังใจให้เป็นหนึ่ง ต้องทำนุบำรุงชาติและพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง นานาประเทศก็จะยกย่อง สรรเสริญคนไทยและประเทศไทยไปทั่วโลก
ความรู้เกี่ยวกับเครื่องหมายอัญประกาศ
เนื้อหาของบทความเรื่อง อมไว้ในถุงแดง มีลักษณะที่ควรสังเกตประการหนึ่ง คือ การยกข้อความบางตอนจากหนังสือ สาส์นสมเด็จ เล่ม ๑๓ มาอ้างอิงหลักฐาน และแทรกประกอบเนื้อหาของบทความ การอ้างอิงหลักฐานเช่นนี้ มีแนวทางปฏิบัติคือ ถ้าข้อความที่อ้างอิงนั้นมีความยาวไม่เกิน ๓ บรรทัด ให้ยกข้อความที่อ้างอิงนั้นไว้ใน เครื่องหมายอัญประกาศ หากข้อความที่อ้างอิงนั้นยาวเกิน ๓ บรรทัด ให้ยกขึ้นมาย่อหน้าใหม่ และเขียนหรือพิมพ์ข้อความนั้นย่อเข้ามาประมาณ ๕ – ๗ อักษรทั้งด้านซ้ายและขวาของหน้ากระดาษ บอกแหล่งที่มา เพื่อให้เกียรติเจ้าของข้อความที่ยกมาอ้างอิง อันเป็นมารยาทสากลที่ควรปฏิบัติให้เป็นกิจนิสัยและเพื่อประโยชน์สำหรับผู้อ่านจะค้นคว้าเพิ่มเติมได้สะดวกขึ้น
เครื่องหมายอัญประกาศมี ๒ ลักษณะ คือ
๑. อัญประกาศคู่ มีรูปดังนี้ “ ” ประกอบด้วยอัญประกาศเปิด “ และอัญประกาศปิด ” มีหลักเกณฑ์การใช้ดังนี้
๑) ใช้เพื่อแสดงว่าคำหรือข้อความนั้นเป็นคำพูด บทสนทนา หรือความนึกคิด
๒) ใช้เพื่อแสดงว่าคำหรือข้อความนั้นคัดมาจากที่อื่น
๓) ใช้เพื่อเน้นความให้ชัดเจนขึ้น
๔) ใช้เพื่อเน้นคำหรือข้อความเพื่อให้รู้ว่าคำหรือข้อความนั้นเป็นสำนวนหรือเป็นภาษาปาก ซึ่งมีความหมายผิดไปจากความหมายปรกติ
๒. อัญประกาศเดี่ยว มีรูปดังนี้ ‘ ’ ประกอบด้วยอัญประกาศเปิด ‘ และอัญประกาศปิด ’ ใช้แทนเครื่องหมายอัญประกาศคู่ในข้อความที่มีการใช้เครื่องหมายอัญประกาศคู่อยู่แล้ว
ลองตรอง ลองทำดู
๑. ครูนำสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องความโชคดีของคนไทยที่มีพระมหากษัตริย์ที่มีพระอัจฉริยภาพและทรงมองการณ์ไกลเช่นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และให้นักเรียนคิดมองอนาคตของตน ครอบครัว และชุมชนโดยมุ่งมองเพื่อหวังทำประโยชน์ให้เกิดแก่ชุมชนและตนเอง
๒. ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการบริหารเงินและวิธีการออมเงิน อาศัยความรู้จากประสบการณ์ของนักเรียนและจากเรื่องที่อ่าน
๓. ฝึกย่อความจากบทเรียน อินเตอร์เน็ต หรือสิ่งพิมพ์อื่น ตามรูปแบบและวิธีการย่อความที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
๔. แบ่งกลุ่มศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมในเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้ แล้วจัดเป็นสาระความรู้แลกเปลี่ยนกันในห้องเรียน บันทึกเป็นความรู้สำหรับตนเองหรือติดป้ายนิเทศของห้องเรียน
๑) เหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ และเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงมาสู่สถานการณ์ความมั่นคงของประเทศในปัจจุบัน
๒) ผลกระทบจาการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้ายู่หัว – พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
คิดเพิ่ม เสริมทักษะ
จัดอภิปรายตามหัวข้อต่อไปนี้
๑) ออมวันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีในวันหน้า
๒) ใช้จ่ายอย่างรู้คิด ช่วยเศรษฐกิจของครอบครัว